กรรมของคนชอบเอาเปรียบ
กรรมของคนชอบเอาเปรียบ ฉันขอเล่าเรื่องกฎแห่งกรรมที่มีอยู่จริง ซึ่งฉันทำงานเป็นลูกจ้างในฟิตเนสแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นฟิตเนสที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่มีคนใช้บริการอยู่มากมายหลายคน ฉันมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับเจ้านายคนนี้ ซึ่งจะเล่าทั้งวีรกรรมและสิ่งที่เขาได้รับให้ฟัง ซึ่งไม่ต้องรอชาติหน้าเลยล่ะ
จุดเริ่มต้นของเรื่อง ฉันได้มาสมัครงานที่ฟิตเนสนี้ด้วยตนเอง เนื่องจากขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่งซึ่งเขาเคยไปมาในที่แห่งนี้ ฉันเลยไปสมัครและฉันได้ทำงานในอาทิตย์ถัดมา ตอนแรกก็เหมือนจะดีแต่ทำไปทำมาไม่ชอบมาพากลในหลายๆ อย่าง เขาดูพูดกลับไปกลับมา ซึ่งเขาพูดประมาณว่าอยากให้เราเป็นตัวหลัก แต่ไม่มีค่าพิเศษเลยในการทำงาน ต้องได้ยินจากคนอื่นมาตลอดว่าเขาพูดกับฉันว่าจะให้ฉันพิเศษ แต่ฉันกลับไม่ได้ค่าตอบแทนจากเจ้านายเลย
ฉันอดทนทำงานกับเขาเพราะอยู่ในช่วงโควิดด้วยแหล่ะ ทำให้ไม่สามารถไปทำงานกับเพื่อนของฉันที่ไปกรุงเทพฯ ได้ มีฉันคนเดียวที่ยังลุยต่างจังหวัด เพราะใกล้บ้านกว่า ลดค่าใช้จ่ายลง มีข้อดีเพียงเท่านี้จริงๆ ฉันทำงานที่นี่ได้หกเดือนซึ่งยังไม่ถึงปีดีเท่าไหร่นัก วีรกรรมแรกเลย เจ้านายคนนี้เป็นคนขี้นินทามาก ซึ่งฉันงงว่านิสัยของเขาทำไมทำแบบนี้ ทั้งที่เราก็ไม่ได้ทำผิดอะไรของที่ทำงานเลย
“พี่ทนกับคนแบบเขาได้ไงพี่ เขานินทาพี่ทั้งที่พี่ทำงานให้เขาอยู่”
รุ่นน้องที่ทำงานเขาเห็นว่าฉันทำงานจริงๆ แต่เจ้านายยังนินทาว่าฉันไม่ดีนั่นนี่ นินทาให้ลูกค้าฟังซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลย ถ้าไม่พอใจให้มาพูดตรงๆ สิ ไม่ใช่มานินทาแบบนี้ แต่ฉันทำได้แค่เป็นคำถามในใจเท่านั้น
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องหยั่งรู้ว่าเขาคิดยังไง มีทัศนคติต่อเราในด้านใด หน้าที่เราคือทำงาน ทำมาหากิน แต่เรื่องลูกค้าก็ยังเป็นเรื่องที่โอเคอยู่สำหรับฉัน ฉันเลยเลือกที่จะอดทนกับงานนี้ต่อ แต่ทำไปทำมาประกันสังคมก็ไม่มี คอมมิชชันที่เรียกจาก 5 วันทำงานเป็น 6 วันทำงานไม่มีให้ แถมหักเงินประกันอีก ซึ่งทำผิดตามกฎแรงงานมากๆ
ส่วนเรื่องที่สองเป็นช่วงที่ฉันไปรับปริญญา ซึ่งต้องลางานเพื่อไปซ้อมรับ กลับจากรับปริญญาก็ยังหาเรื่องหักเงินเดือนอีก ถ้าไม่มาใช้เวรจะหักเงินเดือน พอฉันกลับมาทำงานต้องเอาเวลาพักเสาร์อาทิตย์มาเป็นเวลาทำงาน ทำให้ฉันทำงานไม่มีความสุขอีกเลย
“ถ้าไม่มาชดเชยงานเดี๋ยวจะหักเงินเดือนวันละ 400 บาท รีบมาใช้เวรเลยนะ ลามากเกินไปแล้ว”
นี่เป็นข้อความทางไลน์ ทำไมต้องมาอวดเบ่งตลอดวะ นี่ไม่ชอบตรงนี้เลย ตกลงเจ้ากรรมนายเวรมาในรูปแบบทำงานเหรอวะเนี่ย ฉันตัดสินใจสมัครงานที่อื่นรองรับเลย เพราะอยู่นานเข้าจะไม่ดีในอนาคตแน่
ฉันปรึกษากับป้าติ๋ม ป้าที่เป็นแม่บ้านแต่เขาออกจากที่นั่นเพื่อไปรับงานผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราแทน ป้าติ๋มแกบอกว่าถ้ามีที่ไปที่ดีกว่านี้ให้ออกมาเถอะ เพราะไม่มีใครทนกับเจ้านายแบบนี้ได้เลย ด้วยความที่บ้านแกอยู่คนละอำเภอ แกไปมาด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ระยะทางไกลพอสมควรและบ้านแกเปลี่ยวมาก ป้าแกก็ห่วงอันตรายอยู่
แกขอเจ้านายกลับบ้านก่อนเวลาทำงานได้ไหม ขอกลับก่อนยังไม่ได้ หนำซ้ำโดนด่าและขู่จะหักเงินเดือนตลอดเวลา แม้กระทั่งลากิจก็ยังหาเรื่องหักเงินเดือนอีก
“ถ้าหนูมีที่ไปที่ดีกว่าที่นี่ หนูออกมาเลย”
จนล่าสุดเจ้านายบอกกับฉันในไลน์ว่าจ้างงานได้แค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น ซึ่งฉันเองก็ช็อก แต่เตรียมใจไว้ว่าธุรกิจเสี่ยงอยู่ เพราะไม่มีรายได้มาเลย ฉันคงไม่ทนทำงานกับเขาแน่ๆ ฉันเตรียมที่จะเป็นไทโดยที่เขาไม่ต้องเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนจากเขาอีก แต่วีรกรรมต่อมา ลูกเทรนฉันบอกว่าจะเลิกจ้างสิ้นเดือนนี้จริงๆ หรือ ฉันตอบว่าใช่พร้อมส่งข้อความแชทให้ดูเลย ทำเอาลูกเทรนกุมขมับว่า
“อ้าว เขาบอกกับพวกพี่ว่าจะจ้างถึงสิ้นปี นี่ตกลงสิ้นเดือนหรือสิ้นปีกันแน่”
ฉันงงมากว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงอะไรทำไมไม่บอกฉัน แต่ไปบอกกับลูกค้า ไม่บอกกับลูกจ้าง และลูกจ้างไม่รู้เรื่องเลยว่าจะเปลี่ยนแปลง ในไลน์ก็ไม่แจ้งเตือนอะไรสักอย่าง จนในที่สุดฉันอดทนทำงานเดือนสุดท้ายตามที่บอกในไลน์จนกระทั่งสิ้นเดือน แล้วทวงเรื่องเงินเดือนและค่าประกันที่หักไป (ไม่ได้เซ็นสัญญาตั้งแต่แรก)
แต่กลับมาหักเงินประกันอีกทั้งที่จ้างเดือนสุดท้าย โดยอ้างว่าอ้าวไม่ทำต่อแล้วหรือ ฉันเอาหน้าแชทที่เจ้านายเคยบอกส่งไปในไลน์เลยว่าทำไมพูดกลับไปกลับมา เจ้านายเถียงว่าก็ฉันจะบอกนี่ไง อุตส่าห์จะขยายให้ถึงสิ้นปีนี่ไง ในใจฉันไม่เชื่ออีกแล้วเพราะวีรกรรมหลายๆ อย่างทำให้ไม่มีลูกจ้างคนไหนทนนิสัยเจ้านายแบบนี้ได้เลย ทำไมไม่พูดตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าจะขยายเวลาจ้าง ทำไมไม่มาพูดกับฉันตรงๆ ไปพูดกับคนอื่นอย่าง แต่พูดกับฉันอีกอย่าง ตกลงทำงานที่เดียวกันหรือเปล่า ฉันเลยบอกว่าถ้าเอาเปรียบจะเอาเรื่องถึงกรมแรงงานด้วยหน้าแชทนี้ เจ้านายรีบคืนเงินประกันทันทีแล้วพูดว่าจบนะ ฉันจบด้วยดี ถ้าตุกติกก็เข้ามา
นับจากนั้นเรามองหน้าไม่ติด แต่ก็ยังพูดคุยตามปกติกับรุ่นน้อง รุ่นน้องบอกว่าออกจากตรงนี้ดีแล้ว เขาไม่เคยพูดถึงใครในแง่ดี เขาเอาดีเข้าตัวทั้งนั้น ส่วนกรรมที่คืนสนองนั่นก็คือลูกค้าเริ่มลดลง เนื่องจากฉันเลิกจ้างทำให้ไม่มีใครมาใช้บริการฟิตเนสนี้อีกเลย ถึงมีแต่น้อยลง ในช่วงที่ฉันทำงาน ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย มาทีลูกค้ามากกว่ายี่สิบคนต่อวัน เนื่องด้วยเชื่อมั่นในเทรนเนอร์ แต่ตอนนี้มีแค่วันละคนสองคนเท่านั้น ด้วยแรงกรรมที่เขาชอบเอาเปรียบลูกจ้างนี่เอง
ฉันได้แค่อโหสิ ขอแค่อย่าไปทำกรรมกับลูกจ้างที่เหลือเลย แม้ว่าฉันจะลอยลำจากตรงนั้นแล้ว แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้หลุดพ้น และไปไหนมาไหนด้วยความสบายใจ พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ในเส้นทางใหม่ของฉันที่ดีกว่า