กำเเพงของคนไม่มั่นใจในตัวเอง
กำเเพงของคนไม่มั่นใจ ในตัวเอง “ทำไมคุณมาดูโชว์อยู่ขนาดนี้เนี่ย แล้วเราจะทำได้หรือเปล่า เราต้องตื่นคนมากๆแน่เลย
“ทำได้อยู่แล้วไม่ต้องกังวลหรอก โชว์ให้มันเต็มที่ให้มันคุ้มค่ากับเวลาที่เราซ้อมมา”
“ไม่อ่ะ ไปเอาตัวสำรองมาโชว์ได้ไหม เราว่าเราทำไม่ได้ เราอายอ่ะ”
หลังจากนั้นฉันก็เดินหนีออกมาจากงานทันที หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน เรื่องราวมันก็คือว่าฉันเป็นคนขี้อายมากเเล้ววันนั้นฉันต้องขึ้นแสดงต่อหน้าคนเยอะๆ ในครั้งนั้นมันเป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ทำแบบนี้ฉันจึงรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในตัวเอง ก่อนเวลาขึ้นเเสดงประมาณครึ่งชั่วโมง ฉันคุยกับเพื่อนว่าฉันทำไม่ได้ แล้วฉันก็ขอให้คนที่เป็นตัวสำรองขึ้นมาทำการแสดงแทนฉัน ส่วนฉันก็รีบหนีกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ห่วงว่าหน้างานจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เดี๋ยว จะรีบไปไหนจะทิ้งให้พวกเราแสดงโดยไม่มีเธอจริงๆหรอ เราซ้อมมาด้วยกันตั้งนานเธอจะให้คนที่เป็นตัวสำรองมาแสดงแทนเธอ เธอคิดได้ยังไง แล้วถ้าโชว์มันออกมาไม่ได้ดีแบบที่ตั้งใจไว้เธอจะรับผิดชอบยังไง”
“ถ้าเราขึ้นแสดงยังไงโชว์ก็ต้องพังเเน่ เราไม่ได้เตรียมใจมาไว้ว่าจะต้องเจอคนเยอะขนาดนี้ เราขอโทษจริงๆนะแต่เราทำไม่ได้จริงๆ”
“เธอไม่คิดจะพยายามทำมันเลยมากกว่า เธอไม่ต้องมาขอโทษ ถ้าเธอเดินออกจากงานไป เราก็จะจำไว้ว่าเธอทิ้งพวกเรา”
ฉันเลือกที่จะยอมแพ้ให้กับความกลัวที่มีในใจ จึงทำให้เพื่อนๆกลุ่มนั้นไม่พอใจในตัวฉัน พวกเขาไม่คุยกับฉันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่หวังว่าเพื่อนๆจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอธิบายความรู้สึกตอนนั้นยังไง แต่มันสั่นไปทั้งตัว แล้วก็รู้สึกว่าจะต้องทำอะไรก็ได้ที่จะออกจากตรงนั้นไปให้ไวที่สุด หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ เพราะฉันกลัวว่าฉันจะทำพลาดต่อหน้าใครหลายๆคน ฉันกลัวว่าฉันจะทำมันออกมาได้ไม่ดีพอ กลัวคำวิจารณ์ต่างๆที่จะตามมา และฉันอายที่จะโชว์ในสิ่งที่ตัวเองอยากโชว์เรียกง่ายๆก็คือ ฉันไม่กล้าแสดงออกอย่างรุนแรง ซึ่งมันเป็นปมที่มีในใจฉันมาโดยตลอด
“ปีนี้ครูขอให้เธอขึ้นโชว์อีกครั้งได้ไหม ไม่ใช่สิเพราะปีที่แล้วเธอก็ไม่ได้ขึ้นโชว์ แต่เธอเป็นคนเดียวที่พอจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง ถ้าเธอมาช่วยครูทำการแสดงครูก็จะไม่เสียเวลาซ้อมเด็กใหม่ เธอก็จะได้พิสูจน์ตัวเองจากข้อผิดพลาดในปีที่แล้วด้วยไงดีไหม”
“หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให้หนูซ้อมหนักแค่ไหนหนูก็ทำไม่ได้ ปัญหามันไม่ใช่ว่าหนูขี้เกียจหรือหนูไม่เต็มใจที่จะแสดง แต่หนูกลัวที่จะต้องโชว์ต่อหน้าคนเยอะๆ หนูทำไม่ได้จริงๆหนูขอโทษด้วยนะคะ”
“เธอยังไม่ตอบครูตอนนี้ก็ได้ว่าเธอจะขึ้นแสดงให้ครูหรือเปล่า แต่ครูอยากให้เธอลองคิดดีๆนะ ปัญหาของเธอก็คือความกลัวและกำแพงที่เธอมีในใจ เธอไม่คิดจะทำร้ายมันบ้างเลยหรอ ถ้าเธอขึ้นโชว์ได้ นั่นหมายความว่าเธอก็จะทำลายกำแพงนั้นได้นะ กําแพงที่เธอสร้างขึ้นมันจะปิดโอกาสที่เธอจะได้โชว์ในสิ่งที่ตัวเองอยากโชว์ ครูอยากให้เธอลองกลับไปคิดดูดีๆนะ”
เมื่อคุยกับคุณครูจบฉันก็กลับไปทบทวนที่บ้านว่าฉันจะทำลายกำแพงหรือว่าจะทนอยู่กับมันต่อไป ในตอนที่ฉันอยู่คนเดียวและได้ตกตะกอนความคิดในตัวเองฉันก็รู้สึกว่าฉันอยากที่จะทำลายกำแพง เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีกับตัวฉันเลย แต่พอเอาเข้าจริงๆฉันก็กลัวกลัวทุกอย่าง ฉันอยากเลิกเป็นคนแบบนี้ทำไมมันยากเหลือเกิน แต่ฉันจะไม่มีทางรู้เลยถ้าฉันไม่ได้ลองทำมัน ฉันจึงตัดสินใจว่าฉันจะขึ้นโชว์อีกครั้งตามที่คุณครูขอ
เเละเเล้ววันที่ฉันต้องโชว์ก็มาถึง ทุกคนมาร่วมงานกันค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันเยอะมากกว่าปีที่แล้ว และความกลัวของฉันก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ความกลัวที่มีในใจฉันมีตอนนี้มันเยอะกว่าปีที่แล้วมาก ฉันแทบอยากจะรีบวิ่งกลับบ้านเลยในตอนนั้น แต่ก็ได้เพื่อนและครูก็คอยเตือนสติ พยายามให้กำลังใจฉัน ฉันจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องแคร์อะไรในระหว่างตอนที่ทำการแสดง ทำมันให้เต็มที่ไม่ต้องไปสนใจอนาคตว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา สนใจปัจจุบันว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ครูเชื่อว่ายังไงเธอก็ทำมันได้”
“หนูกลัว หนูไม่มั่นใจ หนูไม่เชื่อว่าหนูทำได้”
“ทำได้อยู่แล้ว พวกเราทุกคนต้องทำได้อยู่แล้ว เราซ้อมกันมาเยอะมากมั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”
“ขอร้องได้ไหมทุกคนเลย ถ้าเราแสดงออกมาไม่ดีเท่าที่ควรได้โปรดอย่าต่อว่าเราเลยนะ เราทำได้แค่นี้จริงๆ ตอนนี้ก็ยังถอนตัวได้อยู่ไหม เราว่าเราทนไม่ไหวอ่ะ ถ้าเราต้องอยู่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้น”
“เอาสิถ้าอยากทำให้มันเหมือนปีที่แล้วก็เชิญเลย ทำเหมือนในวันที่เธอเคยทำ เธอเคยทิ้งพวกเรามาแล้วครั้งหนึ่งถ้ามีอีกครั้งเธอก็คงไม่ได้รู้สึกผิดอะไร”
คำพูดของเพื่อนช่วยเตือนสติฉันเป็นอย่างมาก ปีที่แล้วฉันทิ้งให้เพื่อนๆต้องโชว์กันเอง ในปีนี้ฉันตั้งใจที่จะกลับมาเพื่อทำลายกำแพงความกลัวของฉัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในใจฉัน ฉันก็จะไม่ยอมถอยกลับบ้านเหมือนที่เคยทำ ฉันไม่รู้ว่าบนเวทีฉันจะรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้ขอแค่ฉันได้ทำมันให้เต็มที่อย่างน้อยๆจะได้ไม่ต้องมีใครมาว่าฉันได้รู้ว่าฉันเป็นคนที่ขี้ขลาด ไม่กล้าที่จะเอาชนะความกลัวในใจตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะคือเรื่องจริงก็เถอะ
“ฉันจะไม่ยอมกลับบ้านเด็ดขาดถึงปีที่แล้วฉันจะเป็นคนที่หนีกลับบ้านแล้วก็ทิ้งให้พวกเธอต้องแสดงกันเอง แต่ปีนี้ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ต่อให้ฉันต้องเป็นลมบนเวทีฉันก็จะทำมันให้เต็มที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างน้อยๆฉันก็ได้ทำลาย กำแพงความกลัวในตัวฉัน ”
“ทุกคนก็มีความกลัวกันทั้งนั้นแหละ เพื่อนๆที่อยู่ตรงนี้ก็ใช่ว่าจะไม่กลัว ทุกคนมีความตื่นเต้น และมีความไม่มั่นใจในตัวเองแต่ครูเชื่อนะว่าเราจะต้องข้ามผ่านมันไปได้ พยายามอยู่กับปัจจุบันไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้น ทำให้เต็มที่คำนี้เป็นคำที่ครูเน้นย้ำมาตลอด เพราะถ้าเราทำเต็มที่แล้วเราจะไม่มีทางมาเสียใจทีหลังแน่นอน”
กำเเพงของคนไม่มั่นใจ